รีวิวภาพยนตร์ Kingmaker : The Fox of Election (2022)

Kingmaker : The Fox of Election (2022)  เป็นภาพยนตร์แนวดราม่าการเมือง ที่ให้ทั้งความบันเทิงบนความสมจริง พาเราเข้าไปอยู่ในสถานการณ์การเมืองยุคสุดเจ็บปวดที่ยากจะลืมเลือนของชาวเกาหลี ในช่วงทศวรรษที่ 60 ต่อเนื่องถึงทศวรรษที่ 70 เดินเรื่องอยู่ในโลกแห่งการแข่งขันเพื่อชัยชนะในการเลือกตั้ง ผ่านตัวละครหลักที่เป็น ‘นักการเมืองท้องถิ่นปลายแถว’ ที่มีเพียงทุนแห่งความมุ่งมั่นในอุดมการณ์ และความเหนียวแน่นในหลักการ กับอีกหนึ่งคือ ‘นักวางแผนจอมอุบาย’ ที่กล้าเดินต่าง แต่ก็ถึงเป้าสำเร็จได้ เป้าหมายที่ทั้งคู่มีตรงกันคือ ‘โลกใหม่’ ที่มีเสรีภาพให้พูด ให้แสดงออกได้ มีสิทธิเสมอภาค ไม่ถูกยัดเยียดความเป็นคอมมิวนิสต์ พาประชาชนชาวเกาหลีให้หลุดพ้นระบอบเผด็จการในยุคมืดนั้น


ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจจากบุคคลทางการเมืองจริง และอิงประวัติศาสตร์การเมืองจริง แต่นำมาสร้างพล็อตผูกเรื่องปรุงแต่งใหม่ให้เป็นงานบันเทิงอรรถรสที่มีรสชาติกลมกล่อมยิ่งขึ้น คิมอุนบอม (รับบทโดย โซลคยองกู) มักถูกกล่าวหาว่าเป็นคนเกาหลีเหนือแะเป็นคอมมิวนิสต์ เพราะท่าทีและทัศนคติของเขา เขาเข้าสู่โลกการเมืองเพราะอยากเปลี่ยนแปลงโลก แต่ทุนไม่มี เส้นสายก็ไม่มี เป็น Nobody ที่ต่อให้มีนโยบายดีแค่ไหนก็ยังสอบตกอยู่เสมอ แต่เขาเกิดไปเข้าตา ซอชางแด (รับบทโดย อีซอนคยุน) ที่พื้นเพเป็นคนเกาหลีเหนือ แต่ปัจจุบันใช้ชีวิตกลมกลืนจนกลายเป็นคนเกาหลีใต้ไปแล้ว เขามีอาชีพเป็นหมอยา แต่อยากผันตัวมาทำงานการเมือง อยากใช้สติปัญญาและความสามารถการคิดเชิงกลยุทธ์ที่มีให้เป็นประโยชน์กับนักการเมืองดี ๆ สักคนที่มีอุดมการณ์ตรงกัน แล้วเขาก็เสนอตัวเองให้คิมอุนบอมได้สำเร็จ ซอชางแดได้เข้าร่วมทีม เป็นแกนการสร้างแผนการหาเสียง ส่งให้คิมอุนบอมชนะการเลือกตั้งติดต่อกันหลายสมัย ไต่เต้าจากสนามท้องถิ่นที่มกโพ มาสู่สนามใหญ่ระดับประเทศ คือเป็นผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดี จาก Nobody จึงกลายเป็นคนที่ถูกฝ่ายรัฐบาลเผด็จการและพรรคคู่แข่งหันมาจับตาระวังอย่างจริงจัง


ภาพรวมหนังการตีแผ่สาวไส้วิถีคนการเมือง เป้าหมาย VS วิธีการ เห็นแผนกลยุทธที่คิดซับซ้อน ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล หลอกล่อวางกับดักบ้าง จัดฉากดิสเครดิตบ้าง ปลุกเร้าสร้างสงครามจิตวิทยา เบี้ยตัวเล็กตัวน้อยบนกระดานก็หาใช่ใคร คือประชาชนผู้หลงเฮโลไปตามสื่อ ตามอินฟลูเอ็นเซอร์ในสังคมนั่นแหละ จะได้เห็นการล็อบบี้จับขั้วเพื่อผลประโยชน์ ที่ต้องอ่านเกมเดาทาง การเปลี่ยนข้างที่เหมือนหักหลังไปมา จนดูเหมือนไม่มีมิตรแท้ ศัตรูถาวร สำหรับคนที่อยู่นอกวงการดูแล้วก็คงมีตะลึงกันบ้าง และด้วยจังหวะเล่าที่กระชับจับประเด็นอยู่ อารมณ์ไม่สะดุด ไม่น่าเบื่อเลยค่ะ แถมด้วยการแทรกคั่นฉากคลายเครียด เป็นตลกร้ายหน้าม่านแซะล้อการเมืองให้ขำ ๆ เป็นช่วง ๆ


เรื่องราวก็น่าสนใจขนาดนี้ แถมยังได้ทัพนักแสดงทีมใหญ่มากมาร่วมกันสวมบทบาทอีก เช่น โจอูจิน, ยูแจมยอง, พัคอินฮวาน, แบจงอ๊ก, คิมซองโอ, ซออึนซู, จอนแบซู, คิมจงซู, อีแฮยอง, และยุนคยองโฮ รวมถึง จินซอนกยู ที่มาแสดงรับเชิญฉากเปิดเรื่องให้ แต่ทว่า ความคับคั่งย่อมทำให้หลาย ๆ คนอาจมีบทน้อยไปนิด จนเหมือนตัวประกอบ เสียดายที่ไม่ได้ปล่อยของกันสักเท่าไหร่


อีกความโดดเด่นที่จะขอยกให้กับงานโปรดัคชั่น เต็มคุณภาพ เก็บรายละเอียดของงานพีเรียดย้อนยุคได้ดี งาน Cinematography ให้อารมณ์สมจริงด้วยเทคนิคสไตล์สารคดีข่าว แต่ไม่รู้สึกเชยเลย ลีลาการกำกับศิลป์คุมโทนสีภาพ และการสื่อสัญลักษณ์ของแกนไอเดียเรื่อง ความสว่าง vs เงามืด ทำออกได้สวยงามเนียน ๆ สะดุดตาเป็นภาพจำได้ในหลายๆฉาก ทุกซีนผ่านการคิดมาอย่างดี  จัดว่าเป็นเรื่องที่ชอบมาก ดีพร้อมทุกองค์ประกอบ เล่าเรื่องการเมืองได้น่าติดตาม เรียกว่าสนุกได้ สาระมี ย้อนยุคขาวดำจืด ๆ ได้อย่างสวยงามมีเสน่ห์ เท่ดี ขอเชียร์เลยว่าคุ้มค่าน่าชมค่ะ

👉👉 ติดตามสนับสนุนได้ที่นี่ ดูหนังใหม่ 2022

Comments

Popular posts from this blog

รีวิวหนัง Six Minutes to Midnight รหัสลับ พลิกสมรภูมินรก

Seobok (2021) ซอบก

Detective Chinatown 3 แก๊งม่วนป่วนโตเกียว