รีวิว Venom 2 : Let There Be Carnage : เวน่อม ศึกอสูรแดงเดือด (2021)
Venom 2 : Let There Be Carnage (2021) สานต่อเรื่องราวจากภาคแรก หลังจาก เอ็ดดี บล็อก อดีตนักข่าวชื่อดังได้ร่วมใช้ชีวิตในฐานะคู่หูปราบอาชญากรรมกับ เวนอม ปรสิตจากต่างดาว โดยหน้าที่การงานและความสัมพันธ์กับ แอนน์ อดีตคู่หมั้นสาวยังคงดิ่งลงเหวเช่นเดิม ในภาคนี้เหมือนเขาจะมีโอกาสกลับมารุ่งอีกครั้งเมื่อเขาได้รับการติดต่อจาก คลีตัส แคสซาดี ฆาตกรต่อเนื่องชื่อดังให้สัมภาษณ์พิเศษถึงในคุก และนั่นกลายเป็นจุดเริ่มต้นของความวายป่วงที่ตามมาไม่สิ้นสุด
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นที่นักโทษประหาร ฆาตกรต่อเนื่องนามกรว่า Cletus Kasady (Woody Harrelson) ที่ต้องการโอกาสสุดท้ายในชีวิตที่จะบอกเล่าเรื่องราวการสังหารเหยื่อของเขาให้กับนักข่าว Eddie Brock (Tom Hardy) และ Eddie จำต้องให้ความร่วมมือเพื่อช่วยเจ้าหน้าที่คลี่คลายคดี แต่แล้วการยั่วยุกลายเป็นทำให้ Cletus จู่โจมและกัดมือ Eddie แล้วกลืนซิมไบโอตจากเลือดของ Eddie ลงไป
ทำให้ Cletus ที่รวมร่างกับซิมไบโอตแล้วกลายเป็นอสุรกาย และแหกที่คุมขังออกมาแล้ววางแผนการเอาคืนใครบางคนร่วมกับ Frances Barrison (Naomi Harris) อดีตรักเก่าขณะเดียวกันความสัมพันธ์ของ Eddie กับคนรักเก่า Anne Weying (Michelle Williams) ก็มาถึงจุดสิ้นสุด เมื่อ Anne กำลังจะแต่งงาน แต่เมื่อตัวร้ายที่เป็นเหมือนส่วนหนึ่งของ Venom กำลังจะทำเรื่องเลวร้าย และแน่นอนมันต้องมาเอา Anne ไปเกี่ยวข้องด้วยตามสูตรEddie และ Venom ที่ดูไม่ค่อยลงรอยกันนักก็จำต้องสามัคคีกันเพื่อช่วย Anne และยับยั้งแผนการร้ายของตัวร้ายที่ขนานนามว่า Carnage และบทสรุปก็ไม่ใช่อะไรที่เหนือความคาดหมาย เพราะหนังยังรักษาเอกลักษณ์ของเอกบุรุษไว้อย่างเคร่งครัด
ภาพรวม Venom 2 : Let There Be Carnage ซุปเปอร์ฮีโร่กึ่งวายร้ายสายพลังเอเลี่ยน เจ้าซิมไบโอตสีดำที่สิงร่างมนุษย์และบริโภคสมองมนุษย์เป็นอาหาร แล้วการขึ้นจอของภาคที่แล้วแม้ว่าจะเป็นหนังที่ดูง่าย สบาย ไม่ได้ซับซ้อนหรือลึกมากมาย แต่กลายเป็นว่าได้ใจและดูซ้ำอีกไม่รู้กี่รอบอาจเป็นเพราะความง่ายและไม่ต้องคิดมากประมาณนั้น แต่แม้ว่าจะเป็นความง่ายหรือเบาทางมิติไปบ้าง สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือความสนุกและความมันส์ผสมอารมณ์ขันแบบกวนนิดๆ และเดาว่าเป็นประมาณนี้เลยทำให้หนังประสบความสำเร็จทางรายได้จนต้องมีภาคต่อมา ซึ่งก็มาจากการทิ้งท้ายไว้จาก End Credit ในภาคที่แล้ว
👉👉 ติดตามสนับสนุนได้ที่นี่ รีวิวซีรี่ย์แนวพีเรียด อิงประวัติศาสตร์





Comments
Post a Comment